ทีมงานวิจัยทดลองทำให้เซลล์ปอดติดเชื้อเชื้อไวรัส RSV และก็ไข้หวัดใหญ่พร้อม แล้วก็พบว่าพวกมันมีการ “ฟิวชัน” แปลงเป็นไวรัสลูกผสมประเภทใหม่
พวกเราต่างเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า “ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวเป็นพลัง” และก็เป็นสิ่งดีที่ใช้ได้ในหลายเหตุการณ์ แม้กระนั้นปัจจุบันทีมงานนักวิจัยเจอกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวที่ทำให้จำเป็นต้องพะอืดพะอม ด้วยเหตุว่าเป็นความพร้อมใจกันกันของ “เชื้อไวรัส” โดยทีมงานวิจัยพบว่า เชื้อไวรัสก่อโรคติดเชื้อฟุตบาทหายใจ (RSV) และก็เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ได้มีการ “รวมร่างกัน” เปลี่ยนเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ไฮบริดที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งจะเข้าไปติดโรคที่ปอด แล้วก็ “สามารถหลบภูมิต้านทานได้” นักค้นคว้ามั่นใจว่า การศึกษาค้นพบคราวนี้เป็นคำชี้แจงว่า เพราะอะไรการรับเชื้อเชื้อไวรัสพร้อมสามารถนำมาซึ่งการป่วยหนักในคนไข้บางรายได้ รวมทั้งอาจจะเป็นผลให้เกิดภาวะปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Pneumonia) โดยทั่วไป ในแต่ละปี ทั่วทั้งโลกจะมีคนไข้ไข้หวัดใหญ่จำเป็นต้องเข้ารักษาในโรงหมอโดยประมาณ 5 ล้านคน ส่วนผู้ที่ไม่เข้ารับการดูแลและรักษาก็บางทีอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ในช่วงเวลาที่เชื้อไวรัส RSV นั้นทำให้เด็กอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 5 ขวบจำนวนไม่น้อยทั้งโลกเกิดภาวะการรับเชื้อทางเท้าหายใจด้านล่างกะทันหัน ซึ่งก่อความร้ายแรงถึงกับตายได้ ดร.โจแอนน์ ฮานีย์ หัวหน้าทีมศึกษาค้นคว้าจากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ พูดว่า “เชื้อไวรัสระบบทางเท้าหายใจ เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของเชื้อไวรัสเยอะมากที่ตั้งเป้าหมายไปยังรอบๆเดียวกันของร่างกาย”
คุณเสริมว่า “พวกเราจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องว่าการติดโรคพวกนี้เกิดขึ้นได้เช่นไร เพื่อได้ภาพรวมที่บริบูรณ์เพิ่มขึ้นของเชื้อไวรัสแต่ละตัว” ในการค้นคว้า ฮานีย์แล้วก็ทีมนักวิจัยนำเชื้อไวรัส RSV รวมทั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ไปใส่เอาไว้ภายในเซลล์ปอดของคนเรา แล้วก็เจอการปรากฏแปลก เนื่องจากแทนที่เชื้อไวรัสทั้งคู่จะแข่งคุ้นเคยอย่างที่เชื้อไวรัสบางจำพวกเป็น พวกมันกลับประกอบร่างกันเปลี่ยนเป็นเชื้อไวรัสลูกผสมที่มีรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม โดย RSV เป็นส่วนลำต้นรวมทั้งไข้หวัดใหญ่เป็นส่วนใบ ศาสตราจารย์ขว้างโบล มูร์เซีย ผู้ดูแลงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยนี้ พูดว่า “ไม่เคยมีการเล่าเรียนเชื้อไวรัสลูกผสมประเภทนี้มาก่อน … พวกเรากำลังเอ่ยถึงเชื้อไวรัสจาก 2 เครือญาติที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรวมกับจีโนมและก็โปรตีนด้านนอกของเชื้อไวรัสทั้งสองแบบ กำเนิดเป็นเชื้อก่อโรคประเภทใหม่” เมื่อก่อตัวขึ้นแล้ว เชื้อไวรัสลูกผสมนี้สามารถกระจายเชื้อไปยังเซลล์ข้างๆได้ ถึงแม้มีแอนติบอดีต้านทานไข้หวัดใหญ่ซึ่งชอบกีดขวางการได้รับเชื้อมันก็ยังแพร่ได้อยู่ เพราะเหตุว่ามันใช้โปรตีนของ RSV สำหรับการแพร่ระบาดแทนโปรตีนของมันเอง นั่นถือว่ามันสามารถหลบภูมิต้านทานไข้หวัดใหญ่ภายในร่างกายของพวกเราได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากวัคซีนหรือการรับเชื้อตามธรรมชาติ
“ไข้หวัดใหญ่ใช้อนุภาคเชื้อไวรัสไฮบริดเป็นม้าโทรจันซ่อนตัวเข้าไปในกรุงทรอย” มูร์เซีชูล่าว นอกเหนือจากการช่วยทำให้เชื้อไวรัสหลีกเลี่ยงระบบภูมิต้านทานแล้ว การฟิวชันกันนี้อาจจะเป็นผลให้พวกมันเข้าถึงเซลล์จุดมุ่งหมายได้นานาประการขึ้น เนื่องจากว่าในเวลาที่ไข้หวัดใหญ่มักแพร่ระบาดในเซลล์จมูก คอ รวมทั้งหลอดลม แม้กระนั้น RSV ชอบถูกใจเซลล์หลอดลมและก็ปอดมากยิ่งกว่า เมื่อผสมกันก็พอๆกับว่าพวกมันจะจู่โจมได้อีกทั้ง จมูก คอ หลอดลม และก็ปอด ดร.สตีเฟน กริฟฟิน นักเชื้อไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยลีดส์ พูดว่า การรวมร่างกันนี้บางทีอาจเพิ่มจังหวะที่ไข้หวัดใหญ่จะมีผลให้มีการติดเชื้อโรคในปอดที่ร้ายแรง รวมทั้งบางโอกาสบางทีอาจจนตายได้ โดยจำเป็นจะต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอีก เพื่อพิสูจน์ว่าเชื้อไวรัสลูกผสมจะส่งผลกับร่างกายของมนุษย์อย่างไรบ้าง “เชื้อไวรัส RSV มีทิศทางที่จะลงไปที่ปอดมากยิ่งกว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และก็คุณมีลักษณะท่าทางที่จะเป็นโรคร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถ้าติดเชื้อโรคผสมนี้ … นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรจะเลี่ยงไม่ให้ติดเชื้อไวรัสหลายประเภท เพราะว่ามีทิศทางที่จะนำมาซึ่งการรวมร่างระหว่างเชื้อไวรัส” กริฟฟินกล่าว