
ในช่วงเวลาที่ทั่วทั้งโลก และก็เมืองไทยกำลังเจอหน้ากับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรทุ่งนา 2019 (วัววิด-19)
ซึ่งมีผลเสียต่อระบบสังคมแล้วก็เศรษฐกิจของประเทศ ภาครัฐก็เลยมีการประกาศใช้วิธีการป้องกันและก็ยั้งการระบาดของโรค พร้อมกันไปกับการรีบแก้ไขปัญหาชีวิตของประชากร แม้กระนั้นในเหตุการณ์ที่เหนื่อยยากแบบนี้ “เด็กและก็เยาวชน” กลับหายไปในขั้นตอนของการจัดการปัญหา ด้วยเหตุนั้น ที่ประชุมเด็กรวมทั้งเยาวชนที่เมืองไทย, UNICEF, UNDP แล้วก็ UNFPA ก็เลยได้กระทำการตรวจผลพวงแล้วก็ความอยากได้ของเด็กและก็เยาวชนในประเทศไทย ในเหตุการณ์ของโรควัววิด-19 เพื่อเป็นข้อมูลเร่งด่วนให้กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้ไขปัญหาของเด็กรวมทั้งเยาวชน เด็กแล้วก็เยาวชนไทยในตอนวัววิด-19
ผลจากการสำรวจบอกว่า เด็กแล้วก็เยาวชนเกือบ 100%มีความรู้ความสามารถแล้วก็ความจิตใจประเด็นการปกป้องจากเชื้อไวรัสวัววิด-19 โดยครึ่งเดียวมีความรู้สึกว่าตนเองได้โอกาสติดโรค ในด้านความพร้อมเพรียงของเครื่องใช้ไม้สอยปกป้องเชื้อไวรัส ดังเช่นว่า หน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ เด็กแล้วก็เยาวชนจำนวนร้อยละ 56 ชี้ว่า มีใช้บ้างแต่ว่าไม่พอสำหรับทุกคนในครอบครัว ในเวลาที่จำนวนร้อยละ 6.5 พูดว่าไม่มีเลย แล้วก็แม้แยกตามภาค จะพบว่าเด็กและก็เยาวชนในภาคเหนือแล้วก็ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกรุ๊ปที่ไม่มีเครื่องมือคุ้มครองปกป้องโรคใช้สูงที่สุด หากแม้รัฐบาลจะใช้มาตรการปิดสถานศึกษาแล้วก็งดเว้นออกมาจากบ้าน ทำให้เด็กรวมทั้งเยาวชนโดยมากมีเวลาว่างมากขึ้นกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน แต่ว่าปริมาณร้อยละ 28 พูดว่า มิได้ถูกใจกับตอนที่มากขึ้น ในช่วงเวลาที่เด็กแล้วก็เยาวชนจำนวนร้อยละ 30 กลับรู้สึกพึงพอใจ กิจกรรมที่ทำสูงที่สุดเป็นกิจกรรมออนไลน์ ดังเช่นว่า การดูภาพยนตร์ออนไลน์ โซเชียลเน็ตเวิร์ค เล่นเกมออนไลน์ และก็ทำงานบ้าน

ผลพวงรวมทั้งความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในกลุ่มเด็กรวมทั้งเยาวชนเกิดขึ้นใน 2 ระดับ
เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นต่อตัวเอง และก็ผลพวงที่เกิดสังกัดเด็กแล้วก็เยาวชนในวงกว้าง โดยปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นความไม่ค่อยสบายใจหลักของเด็กแล้วก็เยาวชนความรู้สึกกลุ้มใจของเด็กและก็เยาวชนจำนวนร้อยละ 80.74 เป็นเรื่องปัญหาด้านการเงินของครอบครัว รองลงมาเกิดเรื่องการศึกษาและก็การสอบ (จำนวนร้อยละ 53.98) ตื่นตระหนกว่าคนใกล้ตัวหรือตนเองจะติดเชื้อไวรัส (จำนวนร้อยละ 52.55) กังวลใจเรื่องจังหวะในการค้นคว้าต่อ (จำนวนร้อยละ 47.82) แล้วก็มีความเคร่งเครียดจากการจะต้องอยู่แต่ว่าในบ้าน (46.27) ในตอนที่จำนวนร้อยละ 84.66 ชี้ว่า ผลพวงแล้วก็ความรู้สึกไม่สบายใจในวงกว้างเป็นเรื่องของสถานะด้านการเงินของครอบครัวที่ไม่สามารถที่จะดำเนินงานได้ตามธรรมดา เด็กรวมทั้งเยาวชนก็ปรารถนาการรักษาจากเมือง
จากการสำรวจพบว่า เด็กและก็เยาวชนได้สะท้อนความจำเป็นที่จะเข้าถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลทางด้านการเงินจากภาครัฐเหมือนกัน ได้แก่ การเกื้อกูลเรื่องค่าเทอม ฯลฯ นอกจากนั้น ยังมีความต้องการข้อมูลที่แจ่มชัดในเรื่องกลยุทธ์เรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุ๊ปที่กำลังจะสอบศึกษาต่อหรือสำเร็จการศึกษา นอกเหนือจากนั้น ในส่วนของปัญหาเกี่ยวกับความเคร่งเครียดรวมทั้งสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางจิต เด็กและก็เยาวชนก็ปรารถนาการช่วยเหลือ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถจัดแจงความไม่สบายใจต่างๆที่เกิดขึ้นในเดี๋ยวนี้ โดยการสำรวจพบว่า เด็กรวมทั้งเยาวชนไม่มีความรู้ไหมมั่นใจว่าควรปฏิบัติแบบอย่างไรเพื่อจัดแจงความตึงเครียด รวมทั้งการเข้าถึงบริการซึ่งสามารถขอรับคำแนะนำได้
แนะนำข่าวเด็ก อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ฟังก์ชั่นแน่น “รถโรงเรียนอนุบาลไต้หวัน” ออกแบบอย่างใส่ใจ ไร้ปัญหาลืมเด็กบนรถ