
การเล่าเรียนของเด็กไทยเป็นส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการเคลื่อนและก็ส่งเสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างเร็ว
เมื่อการศึกษาเล่าเรียนแล้วก็เศรษฐกิจเดินหน้าไปพร้อม สามัญชนในประเทศก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น และก็มีความยั่งยืนในชีวิตอย่างยั่งยืน เหตุนี้ กระทรวกระทรวงศึกษาธิการก็เลยยึดหลักแนวทางของรัฐบาลและก็แผนที่มีความสำคัญในการรบของชาติ 20 ปี โดยมุ่งความก้าวหน้าเรียนไทยใน 3 ด้าน ด้วยหลักการ “ซ่อมแซม สร้าง คุ้มครองปกป้อง”หมายถึงการลดความแตกต่างด้านการศึกษา (ซ่อมแซม) การผลิตจังหวะด้านการศึกษา (สร้าง) และก็ยกฐานะประสิทธิภาพด้านการศึกษา (คุ้มครองป้องกัน) ตรีนุช เทียนทองคำ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้ว่า “ปัญหาความซ้อนล่้ำด้านการศึกษา” เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความใส่ใจรวมทั้งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่สุด เพราะว่ามีเด็กไทยหลุดออกมาจากระบบการเรียนมากยิ่งกว่า 2 แสนใน ในปี 2564 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา โดยมีหลายกรณีปัจจับ อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาภายในครอบครัว ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการขาดเครื่องมือ อายุเกินกฏเกณฑ์ หรือปัญหาระบบการบันทึกข้อมูลที่ไม่เป็นปัจจุบันนี้ อย่างไรก็แล้วแต่ การผลิตจังหวะด้านการศึกษาก็เป็นข้อสำคัญที่ไม่สมควรละเลย และก็กระทรวงศึกษาธิการได้เน้นส่งเสริมให้ราษฎรทุกตอนวันย ได้ได้โอกาสเข้าถึงการศึกษาเล่าเรียนอย่างทัดเทียม
“การยกฐานะประสิทธิภาพการเรียนรู้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความจำเป็นไม่แพ้กัน
โดยยิ่งไปกว่านั้นความปลอดภัยในโรงเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาธิการถูกมุ่งหวังว่าจึงควรพุ่งเป้าปรับปรุงให้เด็กเป็นคนเก่งที่มีความรู้ แม้กระนั้นสิ่งที่เกิดเรื่องรากฐานที่สุดสำหรับผู้เรียนที่อยู่ในตอนวัยที่ควรจะได้รับการป้องกันเยอะที่สุด คือเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากส่งผลต่อสถลามัวงกาย จิตใจ แล้วก็คุณภาพชีวิตของเด็ก รวมทั้งผู้ดูแลและก็สังคมโดยรวม ดังนี้ แนวทางการทำให้โรงเรียนไม่เป็นอันตราย ไม่ใช่แค่การรับเรื่องร้องทุกข์แล้วปรับแก้จัดแจงเพียงเท่านั้น แต่ว่าจำต้องประกอบจาก 3 ด้านเป็นคุ้มครองป้องกัน ปลูกฝัง ล้มล้าง” ดังนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังได้ก่อตั้งแผนการอีกหลายด้าน เพื่อมาส่งเสริมและก็สนับสนุนให้แผนการหลัก 3 ด้าน “ซ่อมแซม สร้าง คุ้มครองป้องกัน” บรรลุจุดประสงค์อย่างสมบูรณ์ ดังต่อไปนี้โครงงานพาน้อขี้งกลับมาเรียน ข้างหลังเด็กไทยนิดหน่อยหลุดออกมาจากระบบการเรียนรู้ ก็เลยกำเนิดโครงงานนี้ขึ้นมา เพื่อบูรณาการความร่วมแรงร่วมใจระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแล้วก็ 11 หน่วยงานผู้ส่งเสริม สำหรับในการพาเด็กตกหล่นและก็หลุดออกมาจากระบบการเรียนได้กลับมาได้โอกาสเรียนอีกที ภายใต้แนวนโยบายสำคัญของรัฐบาลหมายถึงจำเป็นที่จะต้องไม่ทิ้งผู้ใดกันไว้ด้านหลัง (No one left behind) ซึ่งในตอนนี้สามารถนำเด็กกลับเข้าระบบการเล่าเรียนได้เสร็จแล้วถึง 95% พร้อมตั้งความมุ่งหมาย Zero dropout ดึงเด็กที่เหลือให้กลับมาครบแล้วก็คุ้มครองป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกมาจากระบบอีก โดยใช้กลไกการส่งต่อของการเรียนในระบบ การศึกษานอกระบบ รวมทั้งการอาชีวศึกษา เข้ามาเกื้อหนุน
แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : กสศ. จับมือ กทม. ปิดช่องว่างทางการศึกษา ป้องกันปัญหาเด็กหลุดนอกระบบ